อิทธิพล...เถื่อน
ผู้เข้าชมรวม
101
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
อิทธิพล.. เถื่อน
ผมไม่เคยลืม เหตุการณ์ ในช่วงค่ำ เวลา19 น. เศษ ของคืนหนึ่ง เมื่อในอดีต หลังจากไปส่งขนม ที่บ้านป้าสะใภ้ ใกล้โรงภาพยนตร์.. ช่วงขากลับหลังจากผ่านหัวมุมถนน ขณะผมกำลังขี่รถมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน ซึ่งผมต้องผ่านถนนเส้นนี้ทุกวัน.. ช่วงสมัยที่ผมขี่จักรยานยนต์ไม่เป็น บนถนนเส้นนี้ ผมจะเดินมาส่งขนมและใช้ทางเดินเท้า ฝั่งที่บ้านผมอยู่เป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่า ผมต้องเดินผ่านบ้านพี่โรย คนงามที่เป็นเทพีของอำเภอที่ผมเกิด
พี่โรย ชื่อจริง คือ เบญจวรรณ..... เธอเรียนรุ่นเดียวกันกับพี่ชายของผม สมัยที่พี่ชายของผมยังเรียนชั้นมัธยม ผมยังเคยล้อ ว่าพี่โรยเป็นแฟนของพี่ชาย และเช่นกัน พี่ชายของผม ก็จะยัดเยียดแฟนให้ผมด้วยเช่นกัน แม้ผมจะอายุเพิ่งสิบขวบต้นๆ แต่ก็มองและรู้ว่า.. ผู้หญิงคนใดสวย หรือไม่สวย.. ผมยังจำได้ว่า ช่วงพี่โรยเรียนชั้น มศ. 2 ซึ่งอยู่ในช่วงวัยสาว เธอเคยเข้าประกวดเทพีงานฤดูหนาว ที่ทางอำเภอจัดงาน และเธอได้รับการตัดสินจากคณะกรรมการ การประกวดเทพี ให้เป็นเทพีคนแรกเมืองอรัญ ชื่อเสียงของเธอ..โด่งดังมาก ขนาดมีผู้สื่อข่าวจากตัวจังหวัดปราจีนบุรี ในขณะนั้น มาทำข่าวติดต่อกันเป็นสัปดาห์
ขนาดว่า ก่อนประกวดเทพี ยังมีหนุ่มๆ เวียนมาจีบเธอไม่ซ้ำหน้า และนี่ เธอได้รับตำแหน่งเทพี เจ๊โรย จึงเนื้อหอมกว่าแต่ก่อนเป็นร้อยเท่า-พันเท่าความหวัง... ที่พี่ชายของผมจะจีบพี่โรยต่อ จึงสะดุดลง โดยไม่ต้องมีใครบอกให้หยุด ทั้งสองจึงได้แต่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
ในสายตาของผม มองว่า พี่โรย เป็นคนสวย-หวาน (แนวนางเอกแบบ นัยนา ชีวานันท์) แน่นอนว่าทุกครั้ง ที่ผมเดินผ่านหน้าบ้านเทพีแห่งเมืองอรัญ ผมจะต้องพบเห็น มีผู้ชายมานั่งคุยกับพี่โรยแทบจะไม่ซ้ำหน้า เมื่อพี่โรยเรียนจบชั้นมัธยมตอนต้น เธอมิได้เรียนต่อ เหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆ
เพื่อนๆ ของพี่ชายที่มาเที่ยวที่บ้านของผม ซึ่งมีความสนิทสนมกันมาก มักใช้ที่บ้านผมเป็นศูนย์รวมในการพบปะ เพราะอย่างน้อยมีขนมที่แม่ผมทำขายไว้กินฟรีๆ หลายครั้ง ที่เขาจะกล่าวถึงเพื่อนสาว ร่วมรุ่น คือ พี่โรย
“ไอ้โรย มันเนื้อหอม มึงหมดสิทธิ์ แล้วล่ะ” พี่โรจน์ บอกกับพี่ชายผม
“กู...ก็จีบสนุกๆ มันงั้นแหละ อย่างกู ก็แค่หมา มองเครื่องบิน” พี่ชายผมพูดและเปรียบเทียบตัวตน กับเทพี ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน
ห้องแถวบนถนนที่ผมอาศัย ที่มีความยาวไม่ถึงร้อยเมตร ย่อมมองเห็นความเคลื่อนไหวของบ้านอีกหลังได้ พูดได้ว่าเวลานั้น หัวบันได้บ้านพี่โรยไม่เคยแห้ง ความสวย กับชื่อเสียงที่ได้รับการตีพิมพ์ ของหนังสือพิมพ์ จากกรุงเทพ ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้เศรษฐี นักธุรกิจ ทุกอาชีพ แวะเวียนมาจีบเธอ บางวัน..ผมต้องเดินผ่านบ้านเจ๊โรย มากกว่าสามครั้ง เพราะแม่ใช้ไปซื้อของ และวัตถุดิบที่ขาดซึ่งยังไม่ครบสูตรของการทำขนม เมื่อมองเข้าไปในบ้าน (ความเคยชิน) จะเห็นมีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ เป็นแขกพิเศษของบ้านหลังนี้เสมอ
แม่เจ๊โรย มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของผม ทั้งสองคุ้นเคยไปมาหาสู่กันบ้างตามโอกาส บางครั้งแม่พี่โรย จะแวะมาที่บ้าน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ จะต้องกินหมาก และนั่งคุยกันตามประสาเพื่อน แม่เคยกู้เงินแม่พี่โรย มาใช้ยามที่ร้อนเงินและหมุนเงินไม่ทัน ในการประกอบอาชีพ ค้าขายตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา ชาวบ้านบางคนมีฐานะดีมากอย่างเช่น แม่พี่โรย ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ สั่งสินค้าจากกรุงเทพเพื่อส่งขายกัมพูชา สามีใหม่ของเธอ เป็นทั้งลูกจ้างและเป็นคนร่วมหุ้นส่วนของชีวิต และอยู่กินด้วยกันมาช้านาน
มักจะมีข่าว..ว่ามีคนรวย จากกรุงเทพ จากปราจีนบุรี และจากจังหวัดอื่นๆ มาขอหมั้น ขอแต่งงานกับพี่โรยบ่อยๆ แต่ข่าวก็คือข่าว.. แน่นอนว่า ความสวยของเธอไปเข้าหูนักธุรกิจหนุ่มที่สูงวัยกว่าเจ้โรยถึง 15 ปี มาชื่นชอบและขอแต่งงานด้วย นักธุรกิจผู้นั้นชื่อ ประหยัด ชื่อเสียงของนักธุรกิจคนนี้ คนอรัญรู้ดี ว่าเขาทำสัมปทานเกี่ยวกับไม้ พูดได้ว่าโรงเลื่อยเมืองอรัญที่ว่าใหญ่แล้ว ไม่อาจเทียบ กับโรงเลื่อยของนายประหยัดได้เลย
ประหยัด... นับว่า เป็นผู้กว้างขวาง เข้าถึงข้าราชการ ในระดับจังหวัด สนิทกับนักการเมือง เขาคือผู้สนับสนุนและบริจาคเงินให้หน่วยราชการ เกือบทุกตำบล ทุกอำเภอ ศาลาริมทาง ของกรมทางหลวง มีชื่อบริจาค เป็นของนายประหยัด ตลอดเส้นทางตั้งแต่ อ.อรัญ ไปสุดตัวจังหวัด โรงเรียนประจำอำเภอ ทุกอำเภอ จะมีรายชื่อเขาเป็นผู้บริจาคสร้าง อาคารเรียน สถานีตำรวจ วัดวาอาราม หนีไม่พ้นเงินสนับสนุนจากเขา.. เพื่อสร้าง ซ่อม พัดลม ตู้เย็น หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ฯลฯ
เรามิอาจ. รู้ที่มาที่ไป ของความร่ำรวยของเขา.พูดได้ว่าผู้ทำงาน อยู่ในกระบวน การยุติธรรม ส่วนใหญ่ก็เป็นมิตรสหายและสนิทสนมกับเขาไม่น้อย งานมงคลสมรสของลูกนักธุรกิจ ข้าราชการในเมือง จะเชิญเขามาร่วมเป็นเกียรติเสมอ .. ที่หอประชุมเทศบาล ที่ผมกับเพื่อนไปดูดนตรี เคยเห็นเขาได้รับเชิญ ขึ้นไปกล่าวคำอวยพรให้คู่บ่าวสาว
“กราบเรียนเชิญ ท่านประหยัด มาอวยพรให้แก่คู่บ่าวสาว ด้วยครับ” พิธีกร บนเวทีประกาศ เรียนเชิญแขก
นักธุรกิจจากต่างอำเภอ ที่ผมเพิ่งเคยเห็น ก้าวขึ้นเวที ขึ้นกล่าว คำอวยพร โดยมีคู่บ่าวสาวยืนพนมมือ เพื่อรับพร ผมมองชายคนนี้ ด้วยท่าทีสงสัย ..บุรุษร่างเตี้ย แต่งกายภูมิฐาน ด้วยท่าทีมั่นใจในตนเอง ด้านล่างทางขึ้น มีลูกน้องคอยยืนรอสามสี่คน เสมือนคนที่มีอำนาจ ที่มีลูกน้องคุ้มกัน ดังในหนังไทยที่ผมเคยดู หลังเขากล่าวคำอวยพรเสร็จ ก็ให้แขกผู้มีเกียรติยืนขึ้น พร้อมให้ทุกคนชนแก้ว แล้วกล่าวคำว่า “ไชโยๆๆ” แล้วเขาจึงเดินลงเวที
นับแต่วันนั้น.. ผมจึงได้ทราบว่า นายประหยัด ได้มาติดพัน กับพี่โรย เพราะผมจำหน้าตาได้อย่างแม่นยำ ในวันที่เขาเคยขึ้นไปกล่าวคำอวยพร ที่หอประชุมเทศบาล เกือบทุกวัน ที่ผมไปส่งขนมให้ป้าสะใภ้ ผมจะเห็นนายประหยัด มานั่งคุย และที่หน้าบ้าน จะมีรถจิ๊ป จอดอยู่ แต่ละครั้งที่ทั้งคู่นั่งคุยกัน น่าจะคุยกัน ครั้งละ ไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง ที่ผมประมาณการเวลาดังกล่าวได้ เพราะ บางวัน ที่ผมไปส่งขนมให้ป้าช่วงหกโมงเย็นและกลับมาถึงบ้าน และต้องแวะไปซื้อผัดไทยมากิน ทั้งครอบครัว จะอยู่ในช่วงเวลาสองทุ่มกว่า นั่นเอง
ความรัก..ความชอบ มันมิอาจตัดสินจากฐานะ ความมีอำนาจ การมีอิทธิพลและการมีบริวาร แม้นายประหยัดจะตามจีบและตื๊อพี่โรย อยู่นานเป็นปี แต่พี่โรย ก็ยังมิได้แสดงท่าทีตอบรับรัก ว่าจะยินยอมหมั้น ผมทราบว่า.. นายประหยัด เคยขอร้องให้พ่อบุญธรรมพี่โรย ช่วยพูดให้พี่โรย ยอมตกลงหมั้นหมายกับเขา แต่พี่โรย ก็ตอบปฎิเสธ และตอบว่า จะขอดูใจกันไปอีกสักระยะ
น้องชายของพี่โรย ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้อง ซึ่งเรียนหลังผมหนึ่งปี เคยคุยกับผมว่า
“ป๋าหยัดคนนี้..แม่ง.. ชอบตื๊อ พี่สาวกูเหลือเกิน ..พี่สาวกูเคยบอกกับมันว่า ไม่ชอบและไม่รัก.. มันกลับพูดว่า หากคุณไปรักกับชายอื่น ที่ไม่ใช่ผม ผมจะฆ่าทิ้ง ทั้งฝ่ายชายและหญิง” น้องพี่โรยพูด
ผมมาสนิทกับน้องพี่โรย ช่วงหลัง.. เพราะเขาเรียนชั้นเดียวกับไอ้เล็ก เพื่อนสนิทที่อยู่บ้าน ติดกันกับผม วันเวลาผ่านไป....อีกปีเศษ ..คุณประหยัด..ไม่ค่อยมีเวลา มาคุยกับพี่โรย อาจคงยุ่งกับธุรกิจ กับการทำไม้ ส่งต่างประเทศ ได้มีคนต่างจังหวัดที่หนุ่มกว่า ทั้งยังหน้าตาดี มาจีบพี่โรย ผมเคยเดินผ่านหน้าบ้านพี่โรย ดูว่าเขา ทั้งสองคงจะคุยกันถูกคอ และมีแนวโน้มว่าจะรักกัน
อาจจะเป็นไปได้ ที่ช่วงนายประหยัด ไม่ได้มาคุยกับพี่โรย แต่คงน่าจะสั่งให้ลูกน้องสืบหาข้อมูล ว่ามีใครมาข้องแวะกับคนที่ตนรักหรือไม่ และเมื่อลูกน้องได้เห็น หรือมีข้อมูล จึงกลับไปรายงานเจ้านายตน
.....................................................................................
คืนวันเกิดเหตุการณ์ ในช่วงทุ่มเศษ..บังเอิญว่า..พ่อผมไม่อยู่บ้าน ผมจึงเอามอเตอร์ไซด์ไปส่งขนมที่บ้านป้าหลังจากจัดขนมเสร็จ ผมได้แวะดูโปรแกรมหนัง จากนั้นก็สตาร์ทรถ ขับมาจนใกล้จะถึงบ้านพี่โรย ได้มองเข้าไปในบ้าน เห็นผู้ชายที่เป็นคนรักใหม่กำลังพูดคุยกันเทพี จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง สวมหมวกไหมพรมคลุมหน้า เดินมาที่หน้าบ้านพี่โรย พร้อมตะโกน และลั่นกระสุนออกไป
“เฮ้ย..ออกมานี่หน่อย .. ซิ “ ผู้ร้ายพูด
ขณะที่ทั้งสอง งุนงง..ว่าเกิดอะไรขึ้น.. ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าวิ่งหนี
“เปรี้ยง เปรี้ยง...” สองนัด ที่ผู้ร้ายลั่นกระสุนใส่ บุรุษคนรักใหม่ของพี่โรย ก็ถลาลงราวกับนกถูกลูกศรยิง เขากองลงกับพื้น ซึ่งผมเห็นคาตา เนื่องจากไม่ได้ขี่รถเร็ว
“แม่ช่วยด้วย แฟนหนู ..ถูกยิง” พี่โรย ร้องเรียกแม่ ด้วยอาการตกตลึง
พลันที่แม่พี่โรยออกมา ผู้ร้ายคนนั้น ก็ใช้ปืนยิงซ้ำไปอีกนัด ร่างของชายที่เป็นคู่รักก็สิ้นลมไปต่อหน้าต่อตา
แรกๆ ผู้ร้ายคนนั้น ..เดินช้าๆ แต่เมื่อมีคน ได้ยินเสียงปืน ได้กรูกันมา ที่จะจับเขา เขาจึงวิ่งและหันกระบอกปืนมายังคนที่กำลังจะตามจับเขา
“อย่าตามมานะ ใครตามมากูยิง” ผู้ร้ายพูด ทุกคนหยุดชะงัก ไม่มีใครกล้าตาม..
ในใจผมในขณะนั้น... อยากเป็นฮีโร่... คือมีรถมอเตอร์ไซด์ที่กำลังขับ จึงประสงค์จะขี่แซงเขาไปก่อน แล้วไปบอกคนอื่นๆ ให้เรียกตำรวจจับเขา แต่เมื่อเร่งจะแซง
“ไอ้หนู..อย่าตามมา นะ..เดี๋ยวจะตายไม่รู้ตัว” ผู้ร้ายพูด
เสียงผู้ใหญ่ ตะโกน บอกผมให้หยุด.. ผมจึงหยุด... ผมเห็นเขาวิ่งผ่านไปทางหน้าบ้าน แล้วมีรถมารับ เขาหายไปมาความมืด... จากวันนั้น จนวันนี้.. ผู้ร้ายก็ยังจับไม่ได้....
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น